สวัสดีจ้า กลับมาอีกครั้ง เพื่อต่อยอดจากบทความที่แล้ว ครั้งนี้จะเป็นบทความที่ยกเอาสิ่งที่เคยพบเจอ เรื่องราว อุปสรรค ทางแก้ไขต่างมาแชร์ให้รับรู้กัน
อ้อมขอยกตัวอย่างเป็นตัวอ้อม และคุณรุ่งนะคะ เพราะจะได้แชร์จากประสบการณ์ตรง แรกเริ่มเดิมทีก่อนที่จะมีการเขียนอีบุ๊คให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้น ณ ตอนนี้ก็มีเล่มที่ 6 ผ่านไปแล้ว เราได้สร้างสรรค์ผลงานเหล่านี้จากความเข้าใจ ที่ได้สั่งสมจากประสบการณ์จริงล้วนๆ ตรงนี้ยอมรับว่าครั้งแรกๆ เราทั้งสองไม่ได้เริ่มจากความรักความชอบแต่แรก แต่เกิดจากความต้องการที่จะมีข้อมูลไว้อ้างอิง และมีเครื่องมือไว้ใช้ เราใช้สิ่งที่เคยผ่านมา บันทึกการทำงานต่างๆ ที่เก็บไว้มานั่งอ่าน ความรู้สึกตอนนั้นเมื่อคิดย้อนกลับไปก็อดยิ้มไม่ได้ เราผ่านมาได้ยังไงนะ หลังจากคิดไปคิดมา ก็เกิดเป็นไอเดียที่จะสร้างสรรค์เป็นเรื่องราว วิธีการ เทคนิคต่างๆ ออกมาเป็นตัวหนังสือ แต่ก็ยังคิดๆ อยู่ว่า แล้วเราจะไปติดต่อสั่งพิมพ์ อะไรยังไง ฝากขายเล่มหนังสือแบบไหน จากที่ดูขั้นตอนการทำงาน กระบวนการกว่าจะเป็นหนังสือวางแผง ปกสวยๆ ได้ โหว! ทำไมต้นทุนสูงจัง มีการเก็บค่าหัวคิวหลายทอดกว่าเราจะได้เม็ดเงิน คนที่อยากทำ แบบมือใหม่อย่างเรา แบบหวังเริ่มต้น คงต้องหยุดความคิดเอาไว้ก่อน เพราะทุนไม่ได้หนาขนาดนั้น ก็พูดกันง่ายๆ สายป่านไม่ยาวนะค่ะ
อยากทำอีบุ๊คแต่ไม่รู้ทำยังไง ประสบการณ์ตรง กว่าจะได้อีบุ๊คเล่มแรก |
อยากทำอีบุ๊คแต่ไม่รู้ทำยังไง
ประสบการณ์ตรง กว่าจะได้อีบุ๊คเล่มแรก
ก็เลยกลับมาย้อนคิดว่า หากเราต้องการทำเป็นหนังสือขาย จะทำยังไง และตอนนั้นเองเหมือนฟ้าประทานคำตอบมาให้ คุณรุ่งอยู่ดีๆ ก็พูดขึ้นมาว่า ก็ทำเป็นอีบุ๊คสิ ง่ายดี ไม่ยุ่งยาก ทำเองขายเอง
คำถามแรกของอ้อมที่เกิดขึ้นเลยก็คือ อะไรคือ อีบุ๊คอ่ะ? ได้อธิบายไปแล้วเนาะ กับบทความก่อนหน้า เรื่อง อยากขายของออนไลน์กับสินค้าที่ใช่ ไม่กระทบงานประจำ เราทั้งสองนั่งคุยกันแบบยาวๆ และก็ตกลงว่า จะทำเนื้อต่างๆ ในรูปแบบ อีบุ๊ค
สร้างเครื่องมือ สำหรับโพสประกาศ ทำไปแล้วก็เหมือนจะไม่ได้ผล ยอดขายไม่ขึ้น
เอาน่ะทำใหม่ ลองใหม่ เราทำจนได้ข้อมสรุปที่ทำให้ยอดขายดีขึ้น มีคนสอบถามเข้ามาเยอะขึ้น อันนี้ขออุปไว้ก่อน เดียวไปเล่าอีกทีเนาะ เหมือนจะยาวเกินไป
จากทั้งหมดทั้งมวลที่ทำมาส่งผลให้หลังๆ มาคุณรุ่งเริ่มรู้สึกว่าชอบการเขียนโค้ดมากขึ้น ในเวลานั้นอ้อมก็ได้คลอดลูกคนแรก และไม่ได้ทำงานขายเสื้อผ้าแบบเต็มเวลา เพราะต้องเอาเวลาส่วนใหญ่เลี้ยงเจ้าตัวน้อยก่อน จนถึงวันนี้ที่เขียนบทความ ก็เข้า 1 ปีเต็มๆ เราทั้งคู่หันมาจับสินค้า ที่ตอบโจทธ์เรื่องการใช้ชีวิตของเรามากขึ้น นั่นคือ สินค้าประเภทข้อมูล การให้คำแนะนำ และการสร้างเครื่องมือ ส่วนเสื้อผ้า เรายังคงขายเหมือนเดิม แต่ไม่ได้ทำแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ส่วนใหญ่ จะใช้เครื่องมือที่มี ช่วยในการโปรโมทออกไป ทั้งโพสประกาศ และโปรโมทตามที่ต่างๆ
จากเดิมอ้อมจะเป็นคนนั่งโพสลงสังคมออนไลน์บนมือถือ อันนี้ก็ไม่ได้ทำ นานๆ จะทำครั้ง เราทั้งคู่ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเลี้ยงเจ้าตัวน้อย (เลี้ยงกัน 2 คนน่ะค่ะ) เวลาส่วนหนึ่งหมดไปกับการสร้างเครื่องมือเอาไว้โปรโมท แบบไม่ต้องนั่งหน้าคอม เพราะดูแล้วกว่าจะได้จับงานค้าขายอย่างจริงๆ จังๆ คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ 2 ปี จนกว่าเจ้าตัวน้อยจะเข้าโรงเรียนเลยล่ะค่ะ
ช่วงแรกๆ ที่เริ่มศึกษา เริ่มค้นคว้าลองทำ เราแทบไม่ได้นอนกันเลย เลี้ยงลูก และทำงานด้วย ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยค่ะ บางท่านอาจจะมองว่า อ้อมอาจจะมีเงินถุงเงินถังเพียงพอที่จะอยู่แบบนี้ได้ จริงๆ แล้วอ้อมก็เป็นเหมือนหลายๆ คนจ้า มีหนี้สินที่ต้องชดใช้(หลักแสนเหมือนจ้า) มีค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ต้องจ่ายเหมือนกัน เราอาศัยเงินกำไรที่ได้จากการขายของได้ มาหมุนๆ ไปก่อน ระหว่างที่ศึกษา ค้นคว้า
เราเอาเงินที่ไหนใช้จ่าย เพราะจากที่เล่ามาแทบไม่มีเวลา ต้องเลี้ยงลูกตลอด?
ตอนที่เราขายเสื้อผ้าแบบจริงจัง เราได้นำเงินที่ได้ไปซื้อเครื่องจักรปักชุดนักเรียนมา 1 ตัว เราก็อาศัยรับงานปักชื่อนักเรียน คุณรุ่งติดป้ายหน้าบ้านรับปะยาง เพราะตรงที่เราอยู่ คนส่วนใหญ่ใช้จักรยาน และมอเตอร์ไซค์ และร้านปะอยู่ห่างเหมือนกัน บ้านอ้อมเผอิญไปอยู่ระหว่างกลาง ก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ นอกจากนั้นคุณรุ่งก็รับสร้างเครื่องมือต่างๆ มีงานเข้ามาไม่มาก เพราะคุณรุ่งจะคิดราคาตามจริงๆ ไม่คิดราคาแบบเอางานไว้ก่อน ทำให้ลูกค้าไม่ได้ใช้บริการ แต่อ้อมยอมรับว่า คุณรุ่งทำงานไหนๆ เขาจะจริงจังกับงานมาก ลูกค้าจ่าย 10 คุณรุ่งให้ 20 ประมาณนั้นเลยจ้า เห็นแล้วเหนื่อยแทน เห็นบอกตอนนี้ ไปขายหมูทอด ข้าวเหนียว น้ำพริกหนุ่ม ตอนเช้าด้วยจ้า อย่างที่เคยบอกไปค่ะ เราไม่ได้มีพื้นฐานร่ำรวยเงินทองอะไร เราทำในสิ่งที่เราทำได้ ทำไปเรื่อยๆ ทำทีละนิด จากอีบุ๊คเล่มแรก ก็ได้มีเล่ม 2 เล่ม 3 และมีมาเรื่อยๆ จนกระทั่งตอนนี้มี 6 เล่ม และยังไม่หยุดจ้า ยังจะมีมาอีกยาวๆ เลย แอบเข้าข้างตัวเองนิดนึงนะคะ ฝากติดตามกันด้วยจ้า งานคุณภาพจากประสบการณ์จริง ใช้งานได้จริงๆ ไมไ่ด้โม้จ้า อิอิ
จากการที่คุณรุ่งได้นั่งทำ และค้นคว้าตลอด ทำให้มุมมองปัญหาต่างๆ ชัดขึ้น การแก้ไขปัญหาแม่นยำขึ้น จนทำให้คุณรุ่งหลงเสน่ห์การเขียนโค้ด และการนั่งหน้าคอมฯ ไปเลย จากที่เคยนั่งเป็นเวลานานๆ แล้วบ่นว่าเหนื่อน ตอนนี้นั่งไปยิ้มไป ตื่นเต้นกับสิ่งที่ตนเองทำได้ เห็นเขาบอกว่า พอเริ่มสร้างเครื่องมือได้เอง เขารู้สึกว่า ทำได้ทุกอย่างที่ใจอยากทำ และผลของการเรียนรู้ และทำงานเขียนโค้ด ก็เพื่อตอบโจทธ์ตัวเองล้วนๆ ไม่ได้ทำเพื่อขายแต่แรก พึ่งจะมีช่วงหลังๆ ที่มีมาขายแบบว่าดูแล้วน่าจะใช้ได้ ก็เริ่มจำหน่ายอย่างจริงจัง ก่อนหน้านั้นคือการสร้างขึ้นมาใช้งานเอง และมีคนสนใจก็ขาย แบบว่าทำไปใช้ไปใครสนใจก็มาขอซื้อ หากเห็นว่าพอขายได้ก็ขาย ใช้งานด้วย จำหน่ายด้วยพัฒนาต่อยอดเรื่อยๆ ทำให้ช่วงหลังจากอีบุ๊คเล่มแรกแล้ว จึงได้เกิดอีบุ๊คแนวทางการสร้างเครื่องมืออกมาอีกหลายๆ เล่ม
ความรู้สึกช่วงแรกๆ ที่ทำเป็นไงบ้าง?
- ยอมรับว่า แรกๆ กลัวเหมือนกัน
- จะใช่เหรอ?
- คงมีคนแชร์อยู่แล้วมั้ง!
- ข้อมูลเราจะถูกเหรอ เขามีบรรทัดฐานของการปฏิบัติอยู่แล้วมั้ง
- กลัวจะมีคนด่า ว่าข้อมูลผิด
- ราคาสูงไปไหมนะ
- เขียนแบบนี้จะมีคนอ่านและติดตามไหมนะ
- เราไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ เราเขียนอีบุ๊คเรื่องโค้ด เขาจะว่าเราไหม
หลายๆ คำถามเกิดขึ้นมาในใจทั้งก่อนทำอีบุ๊ค ระหว่างทำ และหลังทำอีบุ๊ค ทุกคำถามล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่จะทำให้อ้อม และคุณรุ่งอาจจะหยุดทำทั้งนั้น เพราะคำว่า กลัว แต่สุดท้ายเราทั้งคู่ก็ผ่านเล่มแรกไปได้ ขนาดยังไม่เปิดจำหน่ายก็ยังกังวลไม่หาย เวลาผ่านไป ยอดสั่งซื้อก็มีเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ได้ดังตูมตามนะคะ เพราะอ้อมไม่อยากให้สินค้าของอ้อมดังเปรี้ยงปร้าง ยอดขายเยอะๆ แต่อยากให้ขายได้เรื่อยๆ เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่า ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
ท้อแท้จนไม่อยากจับงานนี้อีกเลย!
อุปสรรคต่อมา ช่วงแรกๆ ที่เขียนอีบุ๊คอ้อมได้มีการสร้างบทความออกไปก่อน ทิ้งระยะเป็นเดือนเลยจ้า สิ่งที่เกิดขึ้น เริ่มมีคนเข้ามาถามเกี่ยวกับเนื้อหาในบทความนั้นๆ บอกตรงๆ ค่ะ มึนมากๆ เขาถามอะไร
ทำไมเราไม่รู้ แล้วเราจะตอบเขาได้ยังไง 10 คน ถามคนละเรื่อง บางคนมาถามที 3-4 เรื่อง เอายังไงล่ะทีนี้ จะรอดไหมเนี่ย ตอนนั้นอ้อมต้องไปนั่งค้นคว้าข้อมูลเพื่อมาตอบคำถามที่เกิดจากการเขียนบทความ สับสนมากๆ เลยค่ะ บวกกับอารมณ์นอยส์ๆ เหมือนว่า จะถามอะไรนักหนา ความรู้สึกเหมือนถูกรบกวนเข้ามาในหัวทันที ความเป็นส่วนตัวเหมือนจะหายไป เพราะต้องมานั่งหาข้อมูลเพื่อตอบคำถาม ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความที่ว่าไม่เคยทำเส้นทางนี้ ทำให้เวลาเจอคำถามซ้ำๆ เกิดความรู้สึกว่า ทำไมต้องถามอะไรซ้ำๆ ด้วย หลายคนแล้วนะ!.. อารมณ์โมโหเกิดขึ้น และสะสมเรื่อยๆ
ทำให้อ้อมรับรู้ได้ว่า การจะสร้างบล็อค อีบุ๊คขึ้นมาสักอย่าง หากเราต้องการให้อยู่ได้นานๆ เป็นรายได้ของเราได้เรื่อยๆ เราต้องมีข้อมูลที่จะตอบคำถาม ให้กับผู้ที่สงสัย ไม่ใช่อยากสร้างก็สร้าง ท้อเลยค่ะ ท้อจริงๆ เส้นทางนี้ก็ไม่เคยจับ ข้อมูลน่ะรู้ว่าต้องทำไง แต่เขียนออกมาแล้วได้ไม่เกินหน้านี่สิ
ช่วงนั้นการแก้ไขปัญหาของเราทั้งสองคน คนหยุดทุกอย่าง เราทั้งสองไม่ยุ่งกับงานนี้ไปเป็นอาทิตย์เลยค่ะ พอใจเราว่าง ความคิดว่าง อารมณ์ต่างๆ เข้าสู่ภาวะปกติ ก็ทำให้เราคิดได้ว่า ทำไมเราต้องโมโหด้วย ก็นั่นแหละคือคำตอบที่เราทั้งสองคนต้องการหนิ คำตอบที่เราจะต่อยอดเรื่องราวที่เราทำต่อไป เราไม่ต้องไปนั่งค้นหาคีย์เวิร์ด เราไม่ต้องไปเดาทาง ลูกค้า หรือผู้ที่สนใจอยากสอบถามต่างๆ นั่นแหละคือ เรื่องราวที่เราสามารถนำมาต่อยอดให้เป็นอีบุ๊คได้
จากที่เคยไม่ชอบที่มีแต่คนถาม ตอนนี้ถามเข้ามาเลยจ้า ถามเข้ามาเยอะๆ ทุกๆ คำถามทางอ้อมจะเก็บรวบรวมเอาไว้ แล้วมานั่งกรองให้เป็นเนื้อหา อันไหนเรารู้แล้วเราก็ลิสรายการเอาไว้ อันไหนยังไม่รู้ลองทำดู แล้วค้นข้อมูล ความรักความชอบในตัวงานเริ่มเกิดขึ้น สนุกมากๆ เลยค่ะ สนุกจริงๆ ได้ตอบคำถาม ได้ช่วยเหลือกันและกันระหว่างลูกค้าและเรา และสุดท้าย ความพยายามที่จะศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเรื่อยๆ ก็ทำให้เราทั้งคู่มีจุดยืนที่ทำให้เราผ่านไปได้ คือ ทำไมเราทั้งสองต้องฝืนตัวเองเพื่อจะทำให้รู้ในสิ่งที่เราเองก็ไม่เคยอยากรู้ในตอนนั้นๆ จากนั้นเราทั้งคู่ก็หันมาศึกษา และสร้างสิ่งต่างๆ เพื่อให้ตอบโจทธ์ตัวเราเองก่อน อยากรู้อะไรอยากทำอะไร ลุยให้สุดๆ ส่วนเรื่องอื่น ละไว้ก่อน บอกเลยยิ่งทำ ยิ่งต่อยอด ยิ่งตอบคำถามเยอะ ยิ่งได้เคสกรณีศึกษาเยอะ เอาไว้ต่อยอดอีก ความชอบความสนุกกับงานมีทุกวัน ไม่เคยเบื่อเลย ลูกค้าบางรายถึงกับบอกว่สเกรงใจสอบถามเยอะไป แต่บอกตรงๆ ฝั่งอ้อมนี่ยิ้มรับเลยค่ะ พร้อมเสมอสำหรับคำถาม " เพราะเราสนุกกับงาน และชอบในสิ่งที่ทำ " อีบุ๊คเริ่มขายได้เรื่อยๆ ไม่ได้ตูมตามเลยค่ะ เพราะไม่ได้หวังให้ตูมตาม แต่หวังให้ขายได้เรื่อยๆ แล้วอ้อมก็สร้างขึ้นเรื่อยๆ จากคำถามคำตอบ ที่เหมือนเป็นการสำรวจไปในตัว
คำถามคือ ทำไม ถึงทำได้ ประสบการณ์ก็ไม่มี ความรู้พื้นฐานก็งั้นๆ
คำตอบคือ การใส่ใจ และการเรียนรู้ หมั่นทำอย่างสม่ำเสมอ คุณรุ่งไม่ได้จบโปรแกรมเมอร์ แต่ทำไม คุณรุ่งสามารถเขียนโค้ดสร้างเครื่องมือ และแชร์ความรู้ต่างๆได้ ความเชื่อมั่นตรงนั้นเกิดจาก ตัวตนของเราเอง ตัวตนของคุณรุ่งเองที่ชอบ และหมั่นพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ลองถ้าไม่ชอบ คงไม่ทำ คุณรุ่งชอบนั่งหน้าคอมฯ มากกว่าไปดูหนังฟังเพลง บางทีอ้อมก็ไม่เข้าใจว่าทำได้ไง นั่งเป็นวันๆ ไม่เบื่อบ้างเหรอ เคยถามเหมือนกันค่ะ คำตอบที่ได้คือ" ผมชอบนั่งหน้าคอมฯ เพราะผมรู้สึกว่านั่งตรงนี้แล้ว ผมไม่เบื่อ ผมได้งาน ผมได้ความรู้ ในแง่มุมที่ตอบโจทธ์การใช้ชีวิตของเราทั้งคู่ "เพียงเท่านี้อ้อมก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เขาทำ เกิดจากความชอบ ชอบที่จะทำ จึงเป็นผลให้สิ่งที่เขาทำ มีคุณภาพ และใช้งานได้จริงๆ ลักษณะเหมือนพึ่งค้นพบตัวเองเนาะ อิอิ
กลุ่มเป้าหมายของเราเกี่ยวกับอีบุ๊ค
ถ้าเป็นอีบุ๊คเกี่ยวกับงานค้าขาย ก็จะเน้นคนที่ต้องการกระบวนการ และแนวทางในการทำงาน และคนที่อยากรู้ขั้นตอน 1 2 3... ไม่ได้เน้นทฤษฏีจ้า ตำราเปะ ทุกอย่างที่เขียนลงไป คือประสบการณ์ตรงที่ทำจริง
ถ้าเป็นอีบุ๊คเกี่ยวกับการเขียนโค้ด ทางเราก็จะเน้นการสร้างอีบุ๊คแบบตอบโจทธ์เป็นเรื่องๆ ดังจะเห็นได้จากอีบุ๊คทั้งหมดที่ทำมา จะไม่ใช่อีบุ๊คสอนทฤษฏี แล้วไปต่อยอดเอาเอง แต่เน้นวิธีการสร้าง ตั้งแต่กระบวนการคิด วางแผน การเขียนแบบมีขั้นตอน 1 2 3... เพื่อให้ผู้อ่านมองภาพกระบวนการทำงานจริงๆ ได้ หากวันข้างหน้าเจอโจทธ์จริงๆ ก็จะสามารถนำแนวทางนี้ไปปรับใช้ได้เอง และที่สำคัญอ้อมและคุณรุ่งอธิบายแบบ เอาว่าเราผู้ที่ไม่ได้เรียนโค้ดเข้าใจกัน ไม่ได้อธิบายแบบนั่งเรียนโปรแกรมเมอร์เครียดๆ แต่ก็คงหลีกเลี่ยงจุดนั้นไม่ได้ ก็มีป่ะปนกันไป
จากจุดนี้ทำให้การสร้างอีบุ๊คของอ้อม และคุณรุ่งสามารถต่อยอดได้เรื่อยๆ คำถามคือ
ทำไม? ทำไม? ถึงสามารถต่อยอดได้เรื่อยๆ
เพราะการลงมือทำจริง ค้นคว้าจริง ทำงานอย่างจริงจัง ส่งผลโดยตรงกับมุมมอง ประสบการณ์ ยิ่งทำเยอะ เราก็จะเจอปัญหาเยอะ ยิ่งแก้ปัญหาเยอะความรู้เทคนิคต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำคัญยังไง เวลามี
ลูกค้า หรือคนที่สงสัยเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องงานค้าขาย และการสร้างเครื่องมือ ส่วนใหญ่อ้อม และคุณรุ่ง จะสามารถนำประสบการณ์ตรงตอบคำถาม แก้ปัญหาได้
จากปัญหาต่างๆ ที่มีสอบถามกันเข้ามา ก็มีหลายๆ อย่างที่เป็นสิ่งแรกเริ่ม หรือพื้นฐาน ซึ่งเราเคยเชื่อ เป็นอะไรที่ง่ายมากๆ จนทำให้เราเริ่มจับแนวทางได้ว่าความต้องการจริงๆ ของลูกค้า คืออะไร และทำสิ่งนั้นออกมาเพื่อจำหน่ายต่อยอด และก็เช่นกัน พอทำเรื่องนี้เสร็จ ก็จะมีเรื่องใหม่เข้ามา ปัญหาใหม่เข้ามา บอกเลยว่าตารางงานเกี่ยวกับอีบุ๊คมีมาเรื่อยๆ ไม่หยุด
จากสิ่งที่ได้มา ทำให้เราทั้งสองรู้ว่า จริงๆ แล้วบางทีสิ่งที่ลูกค้าต้องการ อาจจะไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ สวยงามเสมอไป แต่กลับเป็นเพียงบางสิ่งที่ตอบโจทธ์ความต้องการ ก็ใช้ได้แล้ว แต่ไม่ใช่ทำแบบลวก อันนี้ก็ไมาไหว
ถ้าวันแรก เราทั้งสองยอมแพ้ต่อความกลัวที่เกิดขึ้นในใจ วันนี้เราก็คงเป็นได้แต่เพียงพนักงานประจำ ที่มีตารางชีวิตเหมือนกัน คล้ายๆ กันทุกวัน เราทั้งสองไม่ได้เก่ง แต่เราทั้งสองเจอปัญหาจริง แก้ปัญหาจริง ทำให้ผลที่เกิดขึ้นกับตัวงาน คือ การสร้างผลงานที่คุณภาพเพื่อตอบโจทธ์จริงๆ ง่ายๆ แต่ใช้ได้จริง อะไรประมาณนั้น
มาถึงตรงนี้กันแล้ว พอจะมองเห็นภาพกันบ้างหรือยังคะ
คราวนี้เราก็ต้องหันกลับมามองที่ตัวเราแล้วล่ะว่า เราจะเอาชนะใจตัวเอง ความคิดทึ่ขัดแย้งในตัวเองได้หรือไม่ เราจะเอาความชอบของเราเองมาแปลงเป็นเม็ดเงินได้ยังไง บางคนอาจมองว่า ความชอบผมมีหนังสือวางแผงเพียบเลย ผมจะไปแข่งกับเขาไหวเหรอ อ้อมขอถามกลับไปว่า หนังสือเหล่านั้นเคยซื้อมาอ่านบ้าง หรือยัง ถ้าอ่านแล้ว เคยรู้สึกว่ายังไม่ใช่บ้างไหม และอีกอย่าง ก่อนจะแข่งกับใคร อ้อมอยากให้ลงมือทำอย่างจริงจัง และเอาชนะใจตัวเองให้ได้ก่อน เพราะจุดนี้สำคัญมาก อย่างที่อ้อมแชร์ไว้ กว่าจะได้อีบุ๊คเล่มแรกบอกเลยว่า จะหยุดหลายครั้งจากความกลัว
ชอบที่จะทำ + ทำในสิ่งที่เราชอบ = ผลงานคุณภาพจากสิ่งที่เราได้ทำ |
บทความต่อไป อยากทำอีบุ๊คหารายได้เสริมบ้าง ควรเริ่มต้นยังไงดี?
ขอขอบคุณตัวกาณ์ตูนน่ารักๆ จาก chocomoto999
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น