วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อยากทำอีบุ๊คหารายได้เสริมบ้าง ควรเริ่มต้นยังไงดี?

เรามาต่อกันอีกบทความนึงนะคะ จากบทความที่แล้ว " อยากทำอีบุ๊คแต่ไม่รู้ทำยังไง ประสบการณ์ตรง กว่าจะได้อีบุ๊คเล่มแรก " คงพอมองภาพรวมออกแล้วเนาะ หากเราตัดสินใจจะทำอีบุ๊คของเราจริงๆ ด่านแรกเราจะเจออะไรบ้าง  เรื่องสำคัญ คือ จิตใจที่ไม่ยอมย้อท้อ และ สภาพคล่องทางการเงิน ไม่รีบร้อนอยากได้เงินมากจนมองข้ามความเป็นตัวตน หรือจนลืมตัวตน 

เป้าหมายที่แท้จริง  และที่สำคัญมากๆ คือ ความชอบส่วนตัว ที่จะนำมาแปลงเป็นข้อมูล เพื่อให้ได้เงิน หรือรายได้เสริม และต่อยอดจนเป็นรายได้หลัก 

ในเนื้อหาบทความที่ได้เล่ามาทั้งหมด อ้อมแนะนำให้เราเริ่มจากความชื่นชอบ ทำแล้วไม่เบื่อ และทำแล้วยิ่งอยากทำต่อยอด  ทุกอย่างที่เราชื่นชอบ ล้วนแล้วแต่มีเนื้อหาที่สามารถทำเงินได้ทั้งนั้น แต่ถ้าทำแล้วเกิดความกังวลว่าจะขายไม่ได้  ให้ลองทบทวนว่าสิ่งที่เราทำ คนอ่านได้อะไร และสามารถนำไปต่อยอดให้เกิดความรู้ หรือรายได้ในเส้นทางนั่นได้หรือไม่ เช่น ความเพลิดเพลินจนอยากให้มีต่อ, ความน่าสนใจอยากทดลองทำตาม, ความน่าตื่นเต้นที่ว่าถ้าทำตามแล้วจะได้ในสิ่งที่อยากได้, การได้รู้เรื่องเทคนิคที่จะนำไปปรับใหม่แบบใหม่ หรือเทคนิคเล็กๆ น้อยที่อาจจะมองข้าม เป็นต้น  
อยากทำอีบุ๊คหารายได้เสริมบ้าง ควรเริ่มต้นยังไงดี?
อยากทำอีบุ๊คหารายได้เสริมบ้าง ควรเริ่มต้นยังไงดี?
สิ่งเหล่านี้เราสามารถนำมาเริ่มสร้างงานของเราได้เลย  สำหรับท่านไหนที่ดูจะยังไม่มั่นใจว่า ความสนใจของเราจะสามารถสร้างเป็นเนื้อหา และเป็นอีบุ๊คได้หรือไม่  เดี๋ยวเราไปว่ากันอีกบทความจ้า  

อยากทำอีบุ๊คหารายได้เสริมบ้าง
ควรเริ่มต้นยังไงดี?

บางท่าน บางคน อาจจะเกิดคำถามขึ้นในใจ คือ ลองหาดูแล้วไม่มีเลย ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ไม่รู้ว่าชอบทำอะไร รู้แต่ว่างานที่ทำทุกวันนี้ ก็โอเคแล้วไม่อึดอัด ทำได้เรื่อยๆ   

ความสงสัยจตรงจุดนี้ หากความรู้สึกที่เรามีเป็นแบบนั้น แสดงว่าเราสามารถที่จะนำแนวทาง เคล็ดลับวิธีการทำงานให้ถูกต้อง ตามสไตล์ของผู้ที่เคยผ่านจุดเริ่มต้นมา เอามาทำเป็นอีบุ๊คได้เลย  อะไรที่เราต้องทำ เทคนิคไหนที่เราคิดว่าพึ่งมารู้ก็ช่วงที่ทำงาน คิดทบทวน แล้วกลั่นออกมาเป็นหัวข้อ จากนั้นค่อยขยายความถึงวิธีการทำงานอีกที ก็ได้จ้า

ปกติแล้วอีบุ๊คคุณอ้อมมีกี่หน้า?

เนื้อหาภายในอีบุ๊ค จากที่อ้อมเคยทำมา ถ้าเป็นเรื่องเทคนิค วิธีการ อ้อมจะทำให้ได้ประมาณ 120 หน้าขึ้นไป เพราะดูไม่มากไป และไม่น้อยไป แต่ถ้าน้อยกว่านั้น ราคาขายก็จะลดลำดับลงไปแล้วแต่ความเหมาะสม
โหว้! ตั้ง 120 หน้า  อย่าพึ่งตกใจจ้า  อย่างที่บอกไป หากคุณทำในสิ่งที่ชอบ 120 หน้า บอกเลยว่าไม่พอจริงๆ ค่ะ เจอมากะตัว  แบบว่าทำได้เรื่อย จนดูเยอะเกินไปตัองตัดออกก็มี  อารมณ์แบบว่า ใส่ไปเต็ม ซื้อไปทีนี่คุ้ม อะไรประมาณนั้น  ตัวเลขที่อ้อมแนะนำไป  เป็นเพียงแนวทางที่อ้อมเคยทำนะคะ  ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับเนื้อหา ของอีบุ๊ค  บางครั้งอาจจะไม่ถึง 100 หน้า เนื้อที่ควรรู้ในความคิดเรา ก็หมดแล้ว  

ตรงจุดนี้ก็ไม่ต้องไปฝืนนะคะ  ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น พิจารณาตามความเหมาะสมว่า เนื้อหา นั้นๆ เราเน้นให้แล้วจริงๆ  บางคนมีกั๊กไว้ทำเล่ม 2 แบบนี้ คงไปบังคับไม่ได้เนาะ  แต่ที่อ้อมเคยทำมา  อ้อมไม่เคยกั๊ก เพราะเล่ม 2 ที่เราคาดหวังว่าจะมี จะเผยออกมาจากข้อสงสัยที่ลูกค้าสอบถามเข้ามาเอง  และโดยส่วนใหญ่ จะเป็นเนื้อหา ที่สามารถต่อยอดได้จากเล่ม 1 หรือเล่มก่อนหน้าเสมอจ้า

ทำออกมาแล้ว  จะขายได้เหรอ  เรื่องที่เราเขียนใครๆ ก็รู้

ความสงสัยจุดนี้ อ้อมเองก็เคยผ่านมาเหมือนกัน  แรกๆ กลัวมากๆ เพราะเรื่องที่เรากลังจะเขียนเป็น อีบุ๊ค มีเจ้าของตลาดทำไว้แล้ว ด้วย  และเท่าที่ดูเนื้อหา ยอมรับเลยว่า แน่นใช้ได้เลยจ้า ทฤษฎีล้วนๆ คำแนะนำเข้าใจดี สำหรับผู้ที่สนใจในระดับพื้นฐาน อ่านโค้ดเป็น   
เอาล่ะหว่า  เรื่องที่เราอยากเขียนดันมีคนทำซะแล้ว  ตอนนั้นก็เริ่มลังเล จะทำดีหรือไม่ หันไปหารุ่นน้อง ลองถามหลายๆ คน  แต่ละคนก็ให้คำแนะนำที่ไม่เหมือนกัน  ไปหยุดอยู่ที่คำแนะนำนึงจ้า  
" พี่ก็ทำแบบที่พี่ถนัดสิ  พี่คิดว่าพี่ทำออกมาได้ยังไง พี่ก็อธิบายเขียนไปแบบนั้นแหละ หลายๆ คนอยากรู้นะว่า พี่ทำออกมาแล้วใช้งานได้ และได้ผลแบบนี้  ทำยังไง  คิดยังไง  ผมเองยังอยากรู้เลย
ซึ่งก็จริงของเขา  เราจะกังวลทำไม  ในเมื่อสิ่งที่เราทำขึ้นมา  เราก็ทำไม่เหมือนใครอยู่ แล้ว  เรารู้ว่าทำได้สำเร็จ และทำได้จริงๆ จะกลัวอะไร  ลงมือ ณ เดียวนั้นเลยค่ะ ลุย!   
ส่วนเรื่องที่จะขายได้หรือไม่ ก็ต้องยอมรับตามจริงว่า เป็นอีกขั้นตอนที่หลายๆ คนไม่กล้าที่จะลงมือทำ เพราะกลัวจะเสียเวลาเปล่าๆ อ้อมก็มีวิธีที่อ้อมใช้อยู่และ ก็ค่อนข้างได้ผลในระยะยาวเหมือนกันจ้า  นั่นคือ อ้อมก็ทำบทความเกี่ยวกับอีบุ๊คเล่มนั้นๆ เช่น บทความที่พูดถึงความสำคัญในเรื่องที่เกี่ยวอีบุ๊ค,  เรื่องราวที่เกี่ยวกับผลลัพธ์ที่เกิดจากสิ่งที่เราได้พากเพียรทำมา และเราค่อยไปต่อยอดถึงวิธีการอีกทอดใน อีบุ๊ค โดยอ้อมจะโปรยไปก่อนเปิดตัวอีบุ๊ค 1-2 บทความ หรือมากกว่านั้นยิ่งดี 

หลังจากนั้นเน้นบทความเกี่ยวกับอีบุ๊คอย่างน้อยๆ 1 บทความ อ้อมเขียนอย่างน้อย 800 คำ ที่เกี่ยวโยงกับเนื้อหาบางส่วนในอีบุ๊ค ความน่าสนใจในเรื่องราวนั้นๆ ความเป็นมา ทำไมต้องเรียนรู้เรื่องนี้ สิ่งที่จะได้รับ


หากนำวิธีในอีบุ๊คไปต่อยอด หรือเรียนรู้ทำตาม แล้วนำบทความดังกล่าวโพสขึ้นไป จัดความสวยงามของบทความ ส่วนไหนลิงค์เชื่อมโยงไปหน้าเพจอื่นของเรา  ตรงไหนเป็นเป็นหัวข้อเน้นๆ ตัวใหญ่ใส่สีเพิ่มเติม ตรงไหนเป็นข้อความบรรยายรูปภาพ
จากนั้นกดแชร์ข้อมูลตามสังคมออนไลน์แล้วก็เริ่มไปสร้างอีบุ๊คต่อยอด หากยังไม่มีไอเดีย ก็พยายามสร้างสภาพแวดล้อมเกี่ยวกับอีบุ๊คเล่มแรกไปเรื่อยๆ ปล่อยให้ระบบที่เราสร้างขึ้นทำงานด้วยตัวของมันเอง  โดยระยะเวลาอีบุ๊คที่อ้อมได้สร้างขึ้นไปขายได้เล่มแรกนั้น 

หากเรากดแชร์กดโปรโมทผ่านสังคมออนไลน์เรื่อยๆ และหมั่นสร้างบทความ สร้างวีดีโอเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกี่ยวโยงในอีบุ๊คอัพขึ้นเรื่อยๆ  ไม่นานก็จะขายได้จ้า และจะเริ่มขายได้เรื่อยๆ  ในรายละเอียดคร่าวๆ ต่อการทำอีบุ๊คสักหนึ่งเล่มก็จะประมาณนี้จ้า

สิ่งสำคัญลำดับต่อมา คือ  ควรมีการสื่อสารตอบโต้กับผู้ที่มาคอมเม้น หรือทักทายอย่าให้ขาด ตรงจุดนี้ ไม่ต้องกังวลนะคะ มีเข้ามาแน่ๆ และสิ่งที่อ้อมแนะนำได้คือ ไม่ต้องกลัว ตอบได้เท่าที่ตอบ หากมีอะไรที่เกินความสามารถ เราก็บอกไปตามตรงว่าเราเองก็ยังไม่ทราบข้อมูลส่วนี้ แต่จะพยายามค้นคว้าเพิ่มเติมหรือ ขอศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ แล้วจะทักไปอีกที 

พึงระวังให้มาก อย่า อวดรู้ อวดเก่ง เบ่งและข่มผู้ที่เข้ามาเม้น มาถาม  เพราะจะทำให้คนที่เข้าเสียความมั่นใจมไม่กล้ามาอีกเลย ควรทำตัวเองให้เป็นผู้แนะแนว ชี้ทางเท่านั้น ให้หลีกเลี่ยงการรับประกันผลที่จะได้จากการกระทำที่เราแนะนำในอีบุ๊ค  เว้นแต่ว่าเราจะมั่นใจในผลลัพธ์ว่าจะไม่คลาดเคลื่อนหากทำตามแบบเปะๆ ควรให้ความสำคัญกับถ้อยคำ หรือประโยคเพื่อให้ผู้อ่านเริ่มลงมือทำ และทำให้ดีที่สุด 
ส่วนผลที่จะได้นั้น ก็เป็นผลที่มาจากการกระทำของแต่ละคน  ความพยายามของแต่ละบุคคล ที่ต้องบอกแบบนี้เหตุเพราะ คนเราไม่เหมือนกัน  การทำงานไม่เหมือนกัน ความชอบ ความอยากรู้ต่างกัน การใส่ใจไม่เหมือนกัน อีบุ๊คเป็นเพียงเครื่องชี้แนะแนวทางเท่านั้นไม่ใช่เครื่องมื่อที่มีไว้แล้วจะการันตีถึงผลลัพธ์ที่คาดหวัง  เปรียบดั่งเราเรียนจบสาขาเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งชี้วัดความสำเร็จในวันข้างหน้า เป็นเพียงเครื่องมือเบิกทางให้เรา ได้รับรู้เพื่อเอาไว้ตัดสินใจที่จะเลือกเดินทางไปจุดไหนยังไง 

ดังนั้น ไม่ต้องกังวลว่าสิ่งที่เรารู้เป็นสิ่งที่ผิด ให้ดูที่ผลลัพธ์จากสิ่งที่เราเคยทำว่าใช้งานได้ สำเร็จดังที่หวัง เท่านั้นก็เป็นข้อมูลที่หลายๆ ยังไม่รู้และอยากจะรู้แล้วจ้า

คุณอ้อมเปิดขายอีบุ๊คผ่านระบบอะไร?

เรื่องการขายโดยส่วนตัวอ้อมเองไม่ค่อยเน้นว่าจะต้องขายให้ได้ สิ่งที่อ้อมเน้นมากคือ คุณภาพของสินค้า คุณภาพของอีบุ๊ค ต้องมีเนื้อหาที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง กระบวนการทำงานต้องเข้าถึงได้จริงๆ ไม่หลอกลวง หรือนั่งเดาเพื่อเขียน 

ส่วนระบบที่ใช้สำหรับขายบนโลกออนไลน์ ของอ้อมไม่ได้ใช้ระบบอะไรที่เสียเงินเลยจ้า ส่วนใหญ่จะเน้นของฟรี ไม่อยากมีต้นทุนเยอะ อะไรที่เป็นบริการฟรี ไม่เสียตังค์อ้อมเข้าไปใช้บริการหมดจ้า  แต่ก็มีบ้างที่ลอง แต่รู้สึกว่าไม่ตอบโจทธ์เท่ากับทำเอง สร้างเองจากของฟรีที่มีให้ในโลกออนไลน์    อ้อมเน้นเพียงว่าเขาเราดีจริง  มีการโปรโมทบทความออกไปก่อนที่จะเปิดขายอีบุ๊ค  มีการแชร์สิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับอีบุ๊คอยู่เรื่อยๆ ไม่นานก็ขายได้  ในบทความอ้อมได้แนะนำให้เราสร้างอีบุ๊คจากความชอบ  เช่น กันการโปรโมท เราเองจะรู้กลุ่มว่าควรโปรโมทเข้ากลุ่มไหน ยังไง

ทำไมอ้อมถึงแนะนำเป็นอีบุ๊คล่ะ
ทำไมไม่แนะนำสินค้าอย่างอื่นบ้าง

สินค้าที่เราสามารถนำมาขายออนไลน์ บางทีก็เป็นของใกล้ตัว บ้างก็เป็นของที่มีมาแต่ดั่งเดิม จะให้จำกัดขอบเขตว่าอะไรน่าขาย คงตอบยาก แต่ที่อยากแนะนำคือ ขายสินค้าที่เราชอบขาย ขายสินค้าที่เราสามารถอยู่กับรายละเอียดสินค้านั้นๆ ได้ตลอด ไม่เบื่อ และที่สำคัญ ต้นทุนของสินค้าชิ้นนั้นๆ ต้องน้อยมากๆ มากพอที่จะสามารถทำกำไรให้เราได้ในระยะยาว โดยที่เราไม่ต้องไปนั่งค้นหา เสาะหาให้เหนื่อย และคุณภาพต้องมาพร้อมๆ กัน   

การที่อ้อมแนะนำให้เริ่มจากอีบุ๊คเพราะ ต้นทุนน้อย ขายได้เรื่อยๆ ไม่ตกเทรน คนนี้รู้แล้วก็จะมีคนใหม่ที่อยากรู้มาเรื่อยๆ ทำให้ขายได้เรื่อยๆ  คิดตามหลักความจริง หากเราทำในสิ่งที่เรารู้  ชอบ และชำนาญอยู่แล้ว  เราเองจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่าการลงทุนแบบนี้ไม่เหมือนกันลงทุนแบบอื่น เป็นการซื้อความสุข แล้วผันความสุขนั้นออกมาเป็นอีบุ๊ค  คิดตามจริงๆ ก็คือ ค่าน้ำค่าไฟ ค่ารถที่เราใช้อยู่ทุกๆ วัน  อ้อมเชื่อว่า เราต้องมีเวลาว่างที่จะทำบางอย่างแบบส่วนตัว ทำแล้วมีความสุข และทำเกือบทุกวัน  

อีกอย่างสินค้าประเภทนี้หากทำด้วยใจรักในสิ่งที่เขียน และสร้างขึ้นมาโอกาสที่เนื้อหาจะซ้ำกันค่อนข้างยาก เพราะแต่ละคนก็จะมีรูปแบบการเขียน และการสื่อสารต่างกัน แต่ย้ำอีกทีว่าสิ่งที่ทำต้องเริ่มจากความชอบ รักที่จะทำ และทำอย่างเต็มที่ไม่ ทำแบบผ่านๆ  ไม่ลอกเรียนแบบ

และที่ต้องแนะนำเป็นอีบุ๊ค เพราะหากเราเน้นการสร้างผลงานจากคุณภาพ ลำดับต่อมาเรื่องช่องทางการหารายได้ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย  เช่น Google Adsense เป็นต้น แต่ย้ำว่าต้องทำจากสิ่งที่ชอบ และชอบที่จะทำ เท่านั้นเอง  ที่เหลือจะค่อยๆ ตามมาอันนี้ต้องอดทนนิดนึง

เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับทความแนะนำ  หวังว่าคงเป็นไอเดียสำหรับผู้กำลังมองหารายได้เสริมแบบไม่กระทบกับงานประจำนะคะ  ครั้งหน้าเราจะไปพูดขยายความกันว่า  ที่บอกไม่กระทบกับงานประจำ คือยังไง  เพราะยังไง ก็ต้องเสียเวลาทำอีบุ๊คอยู่ดี  ไว้เจอกันบทความหน้าจ้า
อีบุ๊คทั้งหมดของแม่ค้าอ้อม

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น